‘วันพ่อแห่งชาติ’ ว่าแต่สิทธิลาเลี้ยงดูบุตรของพ่อชาติไทย VS ออสซี่ เป็นอย่างไร

วันพ่อแห่งชาติของไทยตรงกับวันที่ 5 ธันวาคมในทุกปีและเป็นวันหยุดราชการ ส่วนวันพ่อของออสเตรเลียนั้นตรงกับวันอาทิตย์แรกของเดือนกันยายนในทุกปี ซึ่งถือเป็นวันอาทิตย์แรกของการเข้าสู่ช่วงฤดูใบไม้ผลิ และแน่นอนว่าไม่ใช่วันหยุดราชการ

A file photo of a father with his two children (AAP)

A file photo of a father with his two children (AAP) Source: AAP

อย่างที่เราคนไทยทุกคนทราบกันดีว่าในประเทศไทย วันพ่อตรงกับวันที่ 5 ธันวาคม ซึ่งเป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร (รัชกาลที่ 9)

ทว่าในออสเตรเลียแรกเริ่มเดิมที แนวคิดเรื่องวันพ่อไม่ได้รับการตอบรับที่ดีนัก โดยเฉพาะในช่วงปี ค.ศ. 1910 และ 1920 หลายคนคิดว่าวันพ่อไม่มีจำเป็น หนังสือพิมพ์ในสมัยนั้นได้ตีพิมพ์บทกวีเสียดสีและบทบรรณาธิการที่วิพากษ์วิจารณ์ประเพณีใหม่นี้

วันพ่อออสเตรเลียมีขึ้นครั้งแรกในเดือนมิถุนายน ซึ่งตรงกับของสหรัฐอเมริกา โดยมีพิธีทางศาสนาและการสวมดอกไม้สีแดง ต่อมาในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 1925 แจเน็ต เฮย์เดน (ซึ่งสนับสนุนการเฉลิมฉลองวันแม่ในออสเตรเลียด้วย) เริ่มรวบรวมเงินบริจาคเพื่อสร้างความสุขให้กับผู้ชายสูงอายุในบ้านพักคนชรา/สถานสงเคราะห์

แม้ว่าวันแม่จะได้รับความนิยมในทันที แต่กว่าวันพ่อจะได้รับความนิยมในออสเตรเลียและจัดให้มีในวันอาทิตย์แรกของเดือนกันยายนก็ผ่านมาจนถึงช่วงปี ค.ศ. 1930 คณะกรรมการวันพ่อแห่งออสเตรเลียก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1957 และยังคงให้เกียรติคุณพ่อที่โดดเด่นด้วยรางวัลคุณพ่อแห่งปีของออสเตรเลีย เป็นประจำทุกปี
family_tax_benefit_dad_son_aifs.png

ข้อดีของการให้พ่อมีสิทธิ์ลาเลี้ยงดูบุตร

ในงานวิจัยของยูนิเซฟ เรื่อง Paid Parental Leave and Family-Friendly Policies ระบุว่า พ่อควรมีสิทธิลาเพื่อเลี้ยงบุตรแบบมีเงินเดือนเพื่อสร้างสัมพันธ์กับลูกและสนับสนุนการดูแลลูก

การศึกษาวิจัยแสดงให้เห็นว่าการลาเพื่อเลี้ยงบุตรทำให้พ่อมีส่วนร่วมในการดูแลลูกและทำงานบ้านมากขึ้น ส่งผลให้ครอบครัวมีพลวัตที่ดีขึ้นและความเท่าเทียมทางเพศ นโยบายต่างๆ รวมถึงการลาเพื่อเลี้ยงบุตรแบบแบ่งจ่ายหรือโอนสิทธิ์ได้มากขึ้น ทำให้พ่อสามารถมีบทบาทในการดูแลลูกได้มากขึ้น

จำนวนประเทศที่เสนอการลาเพื่อเลี้ยงบุตรแบบมีเงินเดือนเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญตั้งแต่ปี 1995 ถึงปี 2015 แม้ว่าส่วนใหญ่ยังคงเสนอให้ลาน้อยกว่าสามสัปดาห์ก็ตาม

สุขภาพครอบครัวที่ดีขึ้น

การมีส่วนร่วมของพ่อช่วยลดความเครียดของแม่และความเสี่ยงต่อภาวะซึมเศร้าหลังคลอด ซึ่งส่งผลทางอ้อมต่อสุขภาพทางอารมณ์และร่างกายของทารก การปฏิรูปนโยบายของนอร์เวย์ที่เชื่อมโยงการลาพักร้อนของพ่อกับลูกๆ เข้ากับผลลัพธ์ทางการศึกษาที่ดีขึ้นของเด็กอายุ 15 ปี

การลาเพื่อดูแลบุตรช่วยเสริมสร้างความผูกพันตั้งแต่เนิ่นๆ ระหว่างพ่อกับลูกๆ ซึ่งเชื่อมโยงกับการพัฒนาในระยะยาวที่ดีขึ้นของเด็กๆ

การลาเพื่อดูแลบุตรแสดงให้เห็นถึงบทบาทการดูแลที่เท่าเทียมกัน ส่งเสริมพลวัตในครัวเรือนที่สมดุลมากขึ้น

นอกจากนี้ยังรวมถึงเสถียรภาพเชิงเศรษฐกิจของครอบครัว เพราะการลาเพื่อเลี้ยงดูบุตรร่วมกันสามารถช่วยลดการพึ่งพารายได้ทางเดียวของครอบครัว ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงทางการเงินของครัวเรือน

การลาเพื่อเลี้ยงดูบุตรแบบมีเงินเดือนช่วยลดโอกาสเกิดความยากจน ส่งผลให้เด็กเข้าถึงทรัพยากรที่จำเป็นได้มากขึ้น

การเข้าถึงการลาเพื่อเลี้ยงดูบุตรแบบมีเงินเดือนช่วยลดความรุนแรงในคู่รักและการทารุณกรรมเด็ก ส่งผลให้มีสภาพแวดล้อมในบ้านที่ปลอดภัยยิ่งขึ้น

mum
Frankie says choosing parenting practices was a balancing act weighted towards following Malaysian culture out of respect for their community. Source: Getty / Getty Images

พ่อไทยกับสิทธิการลาเลี้ยงดูบุตร

ในไทยตามที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 11 ม.ค. 2565 มีมติเห็นชอบว่าข้าราชการชาย สามารถลาหยุดราชการ เพื่อไปช่วยภรรยาโดยชอบด้วยกฎหมาย โดยสามารถลาได้ไม่เกิน 15 วันทำการ เป็นช่วงๆ ไม่ติดต่อกัน จนครบวันลา (จากเดิมที่ให้ลาครั้งหนึ่งติดต่อกันได้ ไม่เกิน 15 วันทำการ) โดยมีเงื่อนไขในการรับเงินเดือนระหว่างการลา ดังนี้
  • มีสิทธิได้รับเงินเดือนระหว่างการลา ไม่เกิน 15 วันทำการ
  • ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ภรรยาคลอดบุตร
  • หลังจาก 30 วัน นับแต่วันที่ภรรยาคลอดบุตร จะไม่ได้รับเงินเดือนระหว่างการลา
  • เว้นแต่ ผู้บังคับบัญชา ตั้งแต่ตำแหน่งอธิบดี หรือเทียบเท่าขึ้นไป เห็นสมควรให้จ่ายเงินเดือนระหว่างการลานั้น แต่ไม่เกิน 15 วันทำการ
ขณะที่หากคุณเป็นพนักงานเอกชน ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีกฎหมายที่กำหนดให้ลาได้ ทว่าทางกระทรวงแรงงานได้ประกาศขอความร่วมมือจากสถานประกอบการ ให้ลูกจ้างชาย สามารถลาไปช่วยเหลือภรรยาที่คลอดบุตรได้ โดยให้นายจ้างใช้ดุลยพินิจพิจารณากำหนดจำนวนวันลาที่เป็นสวัสดิการของลูกจ้าง

ด้านการลาของคนเป็นแม่ในหลักการตามร่างมาตรการสนับสนุนสตรีให้เป็นพลังสำคัญทางเศรษฐกิจ ได้ขยายวันลาคลอดของแม่ (ข้าราชการหญิง) โดยได้รับค่าจ้าง จากเดิมไม่เกิน 90 วัน เป็น 98 วัน (เพิ่มขึ้น 8 วัน) และเมื่อครบ 98 วันแล้ว ยังสามารถลาต่อเนื่องได้อีกไม่เกิน 90 วัน โดยได้รับเงินเดือนในอัตรา 50% รวมวันลาคลอดทั้งสิ้น 188 วัน หรือประมาณ 6 เดือน
family
Credit: Pexels

พ่อออสซี่ลาได้กี่วัน ได้เงินเดือนเท่าไหร่

ในออสเตรเลียนั้น เงินสำหรับการลางานเพื่อเลี้ยงดูบุตรแรกเกิดโดยได้รับค่าจ้าง (paid parental leave) รัฐบาลจ่ายให้ในอัตรา 812.45 ดอลลาร์ต่อสัปดาห์ ซึ่งเท่ากับค่าจ้างขั้นต่ำ โดยมีการสนับสนุนให้นายจ้างจ่ายเงินเพิ่มให้จากจำนวนดังกล่าว

จากข้อมูลของ Fairwork ระบุว่า การลาเลี้ยงดูบุตรในสำหรับพ่อแม่ในออสเตรเลียนั้นครอบคลุมทั้งการคลอดบุตรหรือรับบุตรบุญธรรม คำว่า "การลาเพื่อเลี้ยงดูบุตร" รวมถึง:
  • การลาเพื่อเลี้ยงดูบุตรโดยไม่ได้รับค่าจ้างภายใต้พระราชบัญญัติการทำงานที่เป็นธรรม (FW Act)
  • การจ่ายเงินลาเพื่อเลี้ยงดูบุตรที่รัฐบาลเป็นผู้จ่าย
  • การลาเพื่อเลี้ยงดูบุตรโดยได้รับค่าจ้างจากนายจ้าง
การลาเพื่อเลี้ยงดูบุตรโดยไม่ได้รับค่าจ้างภายใต้พระราชบัญญัติ FW

ภายใต้พระราชบัญญัติ FW พนักงานทุกคนที่ทำงานกับนายจ้างมาอย่างน้อย 12 เดือนสามารถลาเพื่อเลี้ยงดูบุตรโดยไม่ได้รับค่าจ้างเมื่อตนเองหรือคู่ครองให้กำเนิดบุตรหรือรับบุตรบุญธรรม ซึ่งรวมถึงพนักงานจ้างชั่วคราวที่ได้รับการจ้างงานเป็นประจำและเป็นระบบเป็นเวลาอย่างน้อย 12 เดือน และคาดว่าจะยังคงทำงานต่อไปหากไม่ใช่เพื่อคลอดบุตรหรือรับบุตรบุญธรรม

ผู้ปกครองที่ทำงานอาจต้องการลาเพื่อเลี้ยงดูบุตรในเวลาเดียวกันหรือต่างกันก็ได้ พวกเขาอาจทำงานให้กับนายจ้างเดียวกันหรือต่างกันก็ได้

เมื่อผู้ปกครองลาเพื่อเลี้ยงดูบุตร พวกเขาสามารถลาได้สูงสุด 12 เดือนหรือ24 เดือน หากนายจ้างตกลงที่จะขยายระยะเวลาการลาเพื่อเลี้ยงดูบุตรให้เกิน 12 เดือนแรก

การลาสามารถเป็นช่วงระยะเวลาต่อเนื่องครั้งเดียว ยืดหยุ่นได้ หรืออาจรวมกันทั้งสองช่วงก็ได้

จำนวนการลาเพื่อเลี้ยงดูบุตรที่ยืดหยุ่นได้ขึ้นอยู่กับวันที่บุตรเกิดหรือวันที่บุตรถูกนำไปรับเลี้ยงเป็นบุตรบุญธรรมโดยแบ่งเป็น:
  • ก่อนวันที่ 1 กรกฎาคม 2024 – สูงสุด 100 วัน
  • ระหว่างวันที่ 1 กรกฎาคม 2024 ถึง 30 มิถุนายน 2025 – สูงสุด 110 วัน
  • ระหว่างวันที่ 1 กรกฎาคม 2025 ถึง 30 มิถุนายน 2026 – สูงสุด 120 วัน
  • ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2026 เป็นต้นไปหรือหลังจากนั้น – สูงสุด 130 วัน
หากพนักงานลาเพื่อเลี้ยงดูบุตรโดยไม่ได้รับค่าจ้างเป็นเวลา 12 เดือน พวกเขาสามารถขอขยายระยะเวลาการลาได้อีก 12 เดือน คำร้องจะต้องเป็นลายลักษณ์อักษรและส่งถึงนายจ้างอย่างน้อย 4 สัปดาห์ก่อนสิ้นสุดระยะเวลาลาครั้งแรก คนเป็นพ่อและแม่แต่ละคนสามารถลาได้ไม่เกิน 12 เดือนหรือรวมทั้งหมด 24 เดือนหากนายจ้างตกลงที่จะขยายเวลาลาให้

พนักงานที่ลาเพื่อเลี้ยงดูบุตรโดยไม่ได้รับค่าจ้างจะมีการรับประกันการกลับมาทำงาน ซึ่งให้สิทธิ์แก่พนักงานในการกลับมาทำงานในตำแหน่งที่ตนดำรงอยู่ก่อนเริ่มลา หากตำแหน่งของพนักงานไม่มีอยู่เมื่อกลับมาทำงาน พนักงานจะมีสิทธิ์ได้รับตำแหน่งที่ว่างอยู่ซึ่งมีสถานะใกล้เคียงที่สุดและได้รับค่าจ้างเท่ากับตำแหน่งลาเพื่อเลี้ยงดูบุตรก่อน

money_stock.jpg
Counting money Source: AAP / AAP Image/Alan Porritt

รัฐบาลให้เงินช่วยเหลือค่าลาเพื่อเลี้ยงดูบุตร

รัฐบาลออสเตรเลียให้เงินช่วยเหลือค่าลาเพื่อเลี้ยงดูบุตร (PLP) แก่พ่อแม่ที่ทำงานในอัตราค่าจ้างขั้นต่ำแห่งชาติ ทั้งผู้ดูแลหลักและคู่ครอง (รวมถึงคู่ครองเพศเดียวกัน) สามารถเข้าถึงเงินช่วยเหลือนี้ได้หากตรงตามเกณฑ์คุณสมบัติ

โครงการนี้ให้เงินช่วยเหลือแก่พนักงานที่มีสิทธิ์ลาในช่วงที่ลา โดยจะไม่ขยายระยะเวลาลาเพื่อเลี้ยงดูบุตรที่ไม่ได้รับเงินตามพระราชบัญญัติลาเพื่อเลี้ยงดูบุตร PLP มีขีดจำกัดจำนวนวัน (หรือสัปดาห์) ขึ้นอยู่กับวันที่เด็กเกิดหรือรับเลี้ยงบุตร พนักงานสามารถแบ่ง PLP ของตนออกเป็นช่วงลาเพื่อเลี้ยงดูบุตรแบบต่อเนื่องและแบบยืดหยุ่นได้หากต้องการ

Share

Published

Updated

By Warich Noochouy
Source: SBS

Share this with family and friends


Follow SBS Thai

Download our apps
SBS Audio
SBS On Demand

Listen to our podcasts
Independent news and stories connecting you to life in Australia and Thai-speaking Australians.
Understand the quirky parts of Aussie life.
Get the latest with our exclusive in-language podcasts on your favourite podcast apps.

Watch on SBS
Thai News

Thai News

Watch in onDemand
‘วันพ่อแห่งชาติ’ ว่าแต่สิทธิลาเลี้ยงดูบุตรของพ่อชาติไทย VS ออสซี่ เป็นอย่างไร | SBS Thai