ผู้ย้ายถิ่นที่รายได้ต่ำผิดหวังกับข้อเสนอให้วีซ่าเฉพาะลูกจ้างทักษะสูง

ผู้ย้ายถิ่นฐานแสดงความวิตกเกี่ยวกับรายงานที่แนะนำให้โครงการวีซ่าชั่วคราวสำหรับผู้มีทักษะแรงงานที่ขาดแคลนควรพุ่งเป้าไปยังลูกจ้างที่มีทักษะสูงเท่านั้น เพื่อป้องกันการเอารัดเอาเปรียบลูกจ้าง

มีรายงานแนะนำให้ออสเตรเลียให้ความสำคัญอันดับแรกแต่ผู้ย้ายถิ่นที่มีทักษะสูงและมีรายได้มากกว่า 70,000 ดอลลาร์ต่อปี ขณะที่เชฟส่วนใหญ่มีรายได้ต่ำกว่านั้น

มีรายงานแนะนำให้ออสเตรเลียให้ความสำคัญอันดับแรกแต่ผู้ย้ายถิ่นที่มีทักษะสูงและมีรายได้มากกว่า 70,000 ดอลลาร์ต่อปี ขณะที่เชฟส่วนใหญ่มีรายได้ต่ำกว่านั้น Source: Pixabay

ในแต่ละวันทำงานของคุณเซวิเอราโดยทั่วไปแล้วจะเป็นวันที่งานยุ่งเสมอ

เชฟวัย 36 ปีผู้นี้ต้องยืนทำงานตลอดทั้งวัน เพื่อเตรียมอาหารเช้าและอาหารเที่ยงที่ร้านกาแฟแห่งหนึ่งในพื้นที่ทางเหนือของนิวเซาท์เวลส์

เธอเดินทางมาถึงออสเตรเลียจากประเทศเนเธอร์แลนด์ในปี 2016 โดยเป็นนักเรียน และจากนั้นได้วีซ่าชั่วคราวสำหรับผู้มีทักษะอาชีพที่ขาดแคลนในฐานะเชฟ ในเดือนเมษายน 2021

“บางครั้งฉันทำอาหาร 150 ชุดต่อวัน และเกือบไม่มีเวลาพักเพื่อไปเข้าห้องน้ำ มันไม่ใช่งานง่ายๆ เลย” คุณ เซวิเอรา กล่าว

เธอเป็นหนึ่งในผู้คนจำนวนมากในออสเตรเลียที่กำลังช่วยปิดช่องว่างการขาดแคลนลูกจ้างอย่างหนัก ที่เกิดขึ้นนับตั้งแต่เกิดโควิด-19 ระบาด ภายใต้วีซ่าชั่วคราวสำหรับผู้มีทักษะที่ขาดแคลน (ซับคลาส 482)

คุณ เซวิเอรา กล่าวว่า เนื่องจากภาระหน้าที่ที่หนักมากของเธอ มีเพียงผู้คนที่มี “จริยธรรมในการทำงาน” (work ethic) ระดับสูงเท่านั้น จึงจะสู้ทนทำงานจนแน่ใจได้ว่า มีหนทางที่ปราศจากเครื่องกีดขวางเพื่อจะอยู่อาศัยถาวรในออสเตรเลีย

แต่รายงานฉบับใหม่จากสถาบันแกรตแทน (Grattan Institute) แนะนำให้ออสเตรเลียควรป้องกันไม่ให้ผู้ย้ายถิ่นฐานทักษะต่ำได้รับวีซ่าชั่วคราวสำหรับผู้มีทักษะที่ขาดแคลน
รายงานดังกล่าวที่ถูกเผยแพร่ออกมาในสัปดาห์ที่แล้วได้แนะนำให้ออสเตรเลียควรให้ความสำคัญอันดับแรกแต่ผู้ย้ายถิ่นฐานที่มีทักษะสูงกว่า ซึ่งสามารถมีรายได้ 70,000 ดอลลาร์หรือมากกว่าต่อปี เพื่อป้องกันการเอารัดเอาเปรียบลูกจ้าง และเพื่อทำให้แน่ใจได้ว่ามีหนทางที่ดีขึ้นสำหรับการจะได้อยู่อาศัยถาวรในออสเตรเลีย

“ออสเตรเลียมีแต่จะเผชิญปัญหาจากทั้งสองแนวทางสำหรับนโยบายด้านย้ายถิ่นฐานชั่วคราวสำหรับแรงงานทักษะ” คุณเบร็นแดน โคตส์ หัวหน้าผู้เขียนรายงานฉบับดังกล่าวและเป็นผู้อำนวยการโครงการนโยบายทางเศรษฐกิจของสถาบันแกรตแทน (Grattan Institute) กล่าว

“การพุ่งเป้าไปที่ผู้ย้ายถิ่นฐานที่ได้ค่าแรงสูงกว่านั้นจะแก้ปัญหาได้ดีขึ้นสำหรับการขาดแคลนแรงงานอย่างแท้จริงที่อุบัติขึ้น” รายงานดังกล่าวระบุ

“การจำกัดการสปอนเซอร์ผู้ย้ายถิ่นฐานที่มีทักษะต่ำจะลดความเสี่ยงที่ลูกจ้างจะถูกเอารัดเอาเปรียบ ดังนั้นโครงการจะน่าพอใจมากขึ้นจากมุมมองทางการเมือง”

แต่คุณ เซวิเอรา กล่าวว่า นโยบายนี้นั้นจะกีดกันผู้ประกอบอาชีพเชฟอย่างเธอ ซึ่งผู้มีทักษะด้านนี้กำลังเป็นที่ต้องการอย่างมากในออสเตรเลียและมีรายได้ไม่ถึง 70,000 ดอลลาร์ต่อปี

“เชฟหรือพ่อครัวแม่ครัวส่วนใหญ่มีรายได้ต่ำกว่า 70,000 ดอลลาร์ ใช่ว่าร้านกาแฟทุกแห่งจะสามารถจ่ายค่าจ้างเช่นนั้นได้”

“ฉันคิดว่า เราจำเป็นต้องให้วีซ่าประเภทนี้แก่อุตสาหกรรมการบริการ (hospitality industry) สำหรับผู้คนที่มีรายได้ต่ำกว่านั้น”
คุณเซวิเอราที่กำลังทำงานเป็นเชฟในนิวเซาท์เวลส์
คุณเซวิเอราที่กำลังทำงานเป็นเชฟในนิวเซาท์เวลส์ Source: SBS News
รายงานดังกล่าวแนะนำว่า ควรจะมีช่วงเปลี่ยนผ่านจากโครงการวีซ่าชั่วคราวสำหรับผู้มีทักษะที่ขาดแคลน ให้ยุติลงเมื่อเวลาผ่านไป และมาแทนที่ด้วย “โครงการวีซ่าชั่วคราวสำหรับลูกจ้างทักษะ” (temporary skilled worker visa) เพื่อให้ครอบคลุมตำแหน่งงานที่ต้องการผู้มีทักษะสูงในสาขาต่างๆ ที่กว้างขวางมากขึ้นในออสเตรเลีย

คำแนะนำเหล่านี้จะช่วยทำให้แน่ใจได้ว่า จะมีผู้ย้ายถิ่นฐานจำนวนน้อยลงที่ถูกเอารัดเอาเปรียบในที่ทำงาน ขณะที่เกณฑ์ปัจจุบันสำหรับค่าแรงต่ำสุดของวีซ่านี้เริ่มที่ 53,900 ดอลลาร์ต่อปี รายงานที่ว่าของสถาบันแกรตแทน (Grattan Institute) ระบุ

คุณวิลล์ แม็กคีย์ หนึ่งในผู้เขียนรายงานฉบับนี้ กล่าวว่า ร้อยละ 80 ของตำแหน่งงานฟูลไทม์ (งานเต็มเวลา) ในออสเตรเลียได้ค่าจ้างมากกว่า 53,900 ดอลลาร์ต่อปี ซึ่ง “บ่งชี้ว่าเกณฑ์ค่าจ้างปัจจุบันนี้ต่ำเกินกว่าที่จะส่อแสดงว่าเป็นงานที่ใช้ทักษะระดับสูง” และตั้งข้อสังเกตด้วยว่า เกณฑ์ค่าจ้างนี้ไม่ได้สัมพันธ์กับการเพิ่มค่าแรง นับตั้งแต่ถูกกำหนดในอัตรานี้อย่างไม่เปลี่ยนแปลงมาตั้งแต่ปี 2013

แต่ผู้เชี่ยวชาญต่างแสดงความวิตกเกี่ยวกับรายงานฉบับนี้ ที่เน้นย้ำว่า “กุญแจสำคัญ” ในการปรับปรุงโครงการย้ายถิ่นฐานชั่วคราวสำหรับแรงงานทักษะคือ “การหยุดสปอนเซอร์ผู้ย้ายถิ่นฐานชั่วคราวที่มีทักษะต่ำกว่าและมีรายได้น้อยกว่า”

คุณลอรี โนแวลล์ ผู้จัดการด้านกิจการสาธารณะของ AMES Australia ศูนย์ให้การสนับสนุนด้านการตั้งถิ่นฐานใหม่สำหรับผู้ลี้ภัยและผู้ย้ายถิ่น กล่าวว่า ออสเตรเลียกำลังขาดแคลนหนักสำหรับ “ลูกจ้างที่ทำงานจำเป็น” ซึ่งอาจไม่ถูกจัดเป็นผู้มีทักษะระดับสูง

“เรารู้ดีว่า มีงานบางอย่างซึ่งมีการขาดแคลนแรงงานอย่างชัดเจน โดยเราไม่สามารถหาคนมาทำงานในตำแหน่งที่ว่างอยู่ได้ในด้านการดูแลสุขภาพ ด้านการดูแลผู้สูงอายุ และการดูแลเด็ก” คุณลอรี โนแวลล์ บอกกับ เอสบีเอส นิวส์

“หลังการระบาดใหญ่ของโควิด เราได้เห็นความต้องการลูกจ้างในอุตสาหกรรมด้านการบริการและการเกษตร และได้เห็นว่าลูกจ้างเหล่านี้ช่วยค้ำจุนเศรษฐกิจของเราในวงกว้างอย่างมากเพียงไร”
Nurse pushing patient in wheelchair
ร้อยละ 30 ของพนักงานดูแลผู้สูงอายุเป็นผู้ย้ายถิ่นฐาน และผู้ทำงานด้านนี้กำลังขาดแคลน Source: AFP
รายงานของคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจแห่งออสเตรเลีย (CEDA) ที่เผยแพร่เมื่อเดือนสิงหาคม 2021เตือนว่าขณะนี้ออสเตรเลียต้องการพนักงานดูแลผู้สูงอายุเพิ่มอีก 17,000 คนเพื่อให้ได้มาตรฐานการดูแลขั้นพื้นฐาน

ภายในปี 2050 คาดว่าออสเตรเลียจะต้องการพนักงานดูแลผู้สูงอายุเพิ่มอีก 400,000 คน ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญด้านการขาดแคลนแรงงาน ที่ต้องเติมเต็มเพื่อรองรับประชากรสูงอายุของประเทศ

จากข้อมูลของ CEDA ร้อยละ 30 ของพนักงานดูแลผู้สูงอายุเป็นผู้ย้ายถิ่นฐาน ซึ่งเน้นย้ำถึงความจำเป็นที่จะต้องมีลูกจ้างทักษะต่ำมากขึ้นในออสเตรเลีย

คุณ อาบูล ริซวี อดีตรองเลขาธิการกรมตรวจคนเข้าเมือง สะท้อนข้อกังวลเหล่านั้น

“ในระยะยาวนั้น ความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างมากในด้านวีซ่าชั่วคราวสำหรับแรงงานทักษะจะเป็น ลูกจ้างดูแลผู้สูงอายุและพยาบาลดูแลผู้สูงอายุ” คุณ ริซวี กล่าว

"ยังไม่กระจ่างชัดสำหรับผมว่า การเปลี่ยนแปลงที่เสนอมานั้นจะรองรับความต้องการอย่างเพียงพอสำหรับกลุ่มคนที่สำคัญอย่างยิ่งต่ออนาคตของเรา"

คุณวิลล์ แม็กคีย์ หนึ่งในผู้เขียนรายงานฉบับนี้ กล่าวว่า: "ออสเตรเลียกำลังเผชิญกับวิกฤตเกี่ยวกับพนักงานดูแลผู้สูงอายุ แต่ไม่ใช่วิกฤตที่มีสาเหตุมาจากโครงการย้ายถิ่นฐานชั่วคราวของแรงงานทักษะ และไม่ควรแก้ไขโดยการใช้โครงการย้ายถิ่นฐานชั่วคราวของแรงงานทักษะ

"แนวทางแก้ไขเพื่อให้แน่ใจว่าแรงงานด้านการดูแลผู้สูงอายุจะทำงานอย่างยืนยาวและมีพนักงานเพิ่มขึ้น คือการปรับปรุงค่าจ้างและสภาพการทำงาน มากกว่าการขยายโครงการย้ายถิ่นฐานชั่วคราวของแรงงานทักษะเพื่อให้ครอบคลุมงานที่ให้ค่าแรงต่ำ"

คุณโนเวลล์เห็นด้วยกับสิ่งที่รายงานฉบับนี้ค้นพบว่า ควรมีความระมัดระวังมากขึ้น เพื่อทำให้แน่ใจได้ว่า ผู้ถือวีซ่าชั่วคราวสำหรับแรงงานทักษะจะไม่ถูกเอารัดเอาเปรียบ แต่ต้องไม่ส่งผลเสียต่อผู้ย้ายถิ่นฐานที่มีทักษะต่ำ

“ถ้าเราสนับสนุนผู้อพยพย้ายถิ่นด้วยสิ่งต่าง ๆ เช่น การรับรองคุณวุฒิและทักษะ การช่วยเป็นพี่เลี้ยง การให้ประสบการณ์ในที่ทำงานและให้โอกาสต่างๆ ผมคิดว่านี่อาจส่งผลดีอย่างแท้จริง และจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศที่จะสามารถใช้ประโยชน์จากทักษะและประสบการณ์ที่ผู้ย้ายถิ่นฐานนำติดตัวมาได้”

คุณ เซวิเอรา ยังกล่าวอีกว่า จำเป็นต้องมีการทำอะไรมากกว่านี้เพื่อให้แน่ใจว่าผู้ที่ทำงานภายใต้การสปอนเซอร์ด้านวีซ่าจากนายจ้าง จะมีกลไกที่เหมาะสมในการทำให้ลูกจ้างสามารถรายงานการประพฤติมิชอบของนายจ้างได้ โดยไม่เสี่ยงต่อโอกาสที่จะได้อยู่อาศัยถาวรในออสเตรเลีย

“หากมีองค์กรที่ผู้ถือวีซ่าสามารถเข้าไปพูดคุยเรื่องนี้ได้ หากประสบปัญหา โดยไม่เสี่ยงที่นายจ้างอาจสามารถยกเลิกวีซ่า หรือสามารถเลิกทำงานกับนายจ้างเหล่านั้นได้..... นั่นจะเป็นมาตรการเสริมที่ดีอย่างมาก" คุณ เซวิเอรา กล่าว

Read the original English article at SBS News here.


คุณสามารถติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่เว็บไซต์ sbs.com.au/thai บันทึกเว็บไซต์ของเราเก็บไว้ในบุ๊กมาร์ก เพื่อไม่ให้คุณพลาดสถานการณ์ล่าสุด หรือติดตามเราทางเฟซบุ๊กที่ facebook.com/sbsthai

Share

Published

Updated

Presented by Parisuth Sodsai

Share this with family and friends


Follow SBS Thai

Download our apps
SBS Audio
SBS On Demand

Listen to our podcasts
Independent news and stories connecting you to life in Australia and Thai-speaking Australians.
Understand the quirky parts of Aussie life.
Get the latest with our exclusive in-language podcasts on your favourite podcast apps.

Watch on SBS
Thai News

Thai News

Watch in onDemand