รีบลงทะเบียนเงินช่วยเหลือค่าดูแลบุตรระบบใหม่ตั้งแต่วันนี้

ระบบเงินช่วยเหลือค่าดูแลบุตรระบบใหม่ จะมีผลบังคับใช้แทนระบบเก่าตั้งแต่ต้นเดือนกรกฎาคมนี้ ต่อไปนี้คือสิ่งพ่อแม่ผู่รับเงินช่วงเหลือค่าดูแลบุตรควรทราบและดำเนินการ

A new childcare package in Australia kicks off from July 2.

A new childcare package in Australia kicks off from July 2. Source: AAP

ตั้งแต่วันที่ 2 กรกฎาคม 2561 เป็นต้นไป รัฐบาลออสเตรเลียจะเริ่มใช้ระบบเงินช่วยเหลือค่าชดเชยการดูแลบุตร (Child Care Subsidy) ซึ่งจะมีผลให้การจ่ายเงินค่าผลประโยชน์การดูแลบุตร (Child Care Benefit) และเงินค่าเบิกคืนการดูแลบุตร (Child Care Rebate) สิ้นสุดลง

ลงทะเบียนผ่านระบบออนไลน์ตั้งแต่วันนี้

รัฐบาลออสเตรเลียระบุว่า มีประมาณ 700,000 ครอบครัวที่ปรับปรุงข้อมูล และสมัครเข้าสู่ระบบเงินช่วยเหลือใหม่นี้แล้ว แต่ก็มีมากกว่า 400,000 ครอบครัวที่ยังต้องดำเนินการ โดยพวกเขาจำเป็นต้องเปิดบัญชีใช้งานกับเซนเตอร์ลิงค์ (Centrelink) ผ่านระบบ myGov และกรอกรายได้โดยประมาณในปีงบประมาณ 2018-19 ที่กำลังจะมาถึง

“เราทราบว่าหลายครอบครัวนั้นไม่ค่อยมีเวลา แต่นี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับการสนับสนุนที่พวกเขาต้องการและควรจะได้เพื่อนำไปชำระค่าใช้จ่ายในการดูแลบุตร” ไซมอน เบอร์มิงแฮม รัฐมนตรีการศึกษาและอบรมกล่าว

“มันเป็น 10 นาทีที่คุ้มค่า เพราะท้ายที่สุดแล้วมันจะทำให้คุณประหยัดค่าใช้จ่ายไปหลายร้อย หรืออาจถึงพันดอลลาร์ต่อปี”

Image

จะเกิดอะไรขึ้นหากลงทะเบียนไม่ทัน

นายเบอร์มิงแฮม กล่าวว่า จะมี “การจัดเตรียมการเปลี่ยนผ่าน” สำหรับผู้ที่เข้าไปปรับปรุงข้อมูลในระบบออนไลน์ไม่ทันวันที่ 2 กรกฎาคมนี้ แต่ถึงกระนั้น ก็ขอความร่วมมือให้บิดามารดาเข้าไปปรับปรุงข้อมูล และลงทะเบียนทางออนไลน์ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้

ด้าน อแมนดา ริชเวิร์ธ (Amanda Rishworth) โฆษกด้านการดูแลเด็กของพรรคแรงงาน ระบุว่า มันเป็นเรื่องที่น่าวิตกอย่างมาก สำหรับครอบครัวที่ปรับปรุงข้อมูลไม่ทัน และต้องเข้าสู่การเปลี่ยนผ่าน

“อะไรจะเกิดขึ้นกับครอบครัวเหล่านี้ในวันที่ 1 กรกฎาคม พวกเขาจะต้องเจอกับค่าดูแลเด็กที่เงินในกระเป๋าจ่ายไม่ได้หรือไม่ พวกเขาจะเสียสิทธิ์รับเงินชดเชยหรือไม่ นี่คือคำถามที่รัฐบาลต้องตอบ” นางอแมนดา ระบุ

3 เกณฑ์ประเมินจ่ายเงินชดเชยระบบใหม่

จำนวนเงินช่วยเหลือที่แต่ละครอบครัวจะได้รับ ขึ้นอยู่กับ ประเภทของบริการดูแลบุตร  รายได้รวมของครอบครัว และระดับกิจกรรมของบิดาและมารดา จากทำงาน เรียน ฝึกงาน หางาน และทำงานอาสาสมัครในรายสองสัปดาห์ โดยหากระดับกิจกรรมมีมาก ก็จะได้เงินชดเชยมาก แต่เกณฑ์การคำนวนนี้ รวมไปถึงระดับกิจกรรมที่น้อยลงของคนใดคนหนึ่งด้วย เช่น หากพ่อแม่คนหนึ่งคนใดมีระดับกิจกรรมน้อยกว่า 8 ชั่วโมง แม่เพียงคนเดียว ก็ทำให้ครอบครัวนั้นไม่เข้าเกณฑ์พิจารณาจ่ายเงินชดเชย

แต่ถ้าครอบครัวใดที่มีรายได้รวมกันน้อยกว่า 67,000 ดอลลาร์ต่อปี พวกเขาจะยังสามารถได้รับเงินชดเชยชั่วโมงดูแลบุตรขั้นต่ำ 24 ชั่วโมง

ไม่มีเพดานจ่ายเงิน-ครอบครัวรายได้น้อยรับเงินช่วยสูงสุด

เงินช่วยเหลือค่าดูแลบุตรระบบใหม่นี้ จะไม่มีเพดานการจ่ายเงิน 7,500 ดอลลาร์ สำหรับครอบครัวที่มีรายได้น้อยกว่า 185,710 ดอลลาร์ต่อปี ส่วนครอบครัวที่มีรายได้น้อยที่สุด จะได้รับเงินชดเชยในระดับสูงสุด ครอบคลุมร้อยละ 85 ของค่าใช้จ่ายในการดูแลบุตร ส่วนครอบครัวที่มีรายได้สูงสุดในเกณฑ์ประเมิน เงินช่วยเหลือจะครอบคลุมร้อยละ 20 ของค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดูบุตร

พรรคร่วมรัฐบาลระบุว่า กำลังมีความพยายามที่จะควบรวมการจ่ายเงินช่วยเหลือครอบครัวในการเลี้ยงดูบุตรรูปแบบต่างๆ เป็นการจ่ายเงินช่วยเหลือแบบประเมินตามเงื่อนไขเพียงรูปแบบเดียว

“ปู่ย่าตายาย” ก็อาจได้รับเงินชดเชย

สำหรับปู่ย่าตายาย หรือชวดกับทวด ที่มีส่วนให้การดูแลหลานคิดเป็นร้อยละ 65 ของการดูแลทั้งหมด อาจเข้าข่ายได้รับเงินช่วยเหลือ ภายใต้เงื่อนไขเงินชดเชยการดูแลบุตรเพิ่มเติมสำหรับปู่ย่าตายาย

Share

Published

Updated

By James Elton-Pym
Presented by Tinrawat Banyat
Source: James Elton-Pym, SBS News

Share this with family and friends


Follow SBS Thai

Download our apps
SBS Audio
SBS On Demand

Listen to our podcasts
Independent news and stories connecting you to life in Australia and Thai-speaking Australians.
Understand the quirky parts of Aussie life.
Get the latest with our exclusive in-language podcasts on your favourite podcast apps.

Watch on SBS
Thai News

Thai News

Watch in onDemand