มีการรณรงค์โครงการใหม่ ที่พุ่งเป้าไปที่การกำจัดความเกลียดชังและการเหยียดหยามชาวต่างชาติ หลังเกิดการด่าทอและทำร้ายกันที่มีต้นเหตุมาจากการเหยียดเชื้อชาติพุ่งสูงขึ้น นับตั้งแต่เกิดการระบาดใหญ่ของเชื้อโควิด-19 โดยเฉพาะกับประชาชนที่มีรูปลักษณ์เป็นชาวเอเชีย
กดปุ่ม 🔊ที่ภาพด้านบนเพื่อฟังรายงาน
ผู้นำชุมชนต่างๆ กล่าวว่า จนถึงขณะนี้ เหยื่อของการเหยียดเชื้อชาติไม่รู้ว่า พวกเขามีสิทธิ์ใดๆ หรือไม่ และไม่แน่ใจว่าจะมีใครรับฟังสิ่งที่เกิดขึ้นกับพวกเขาหรือเปล่า
การรุมด่าทอหรือทำร้ายชาวออสเตรเลียที่มีภูมิหลังจากหลากวัฒนธรรมกลายเป็นสิ่งที่เกิดบ่อยขึ้น แม้ว่าออสเตรเลียจะชะลอการระบาดของเชื้อโควิด-19 ลงได้แล้ว
หลังเหตุการณ์การด่าทอและในบางครั้งมีการรุมทำร้ายผู้คนจากหลากวัฒนธรรม ที่เกิดขึ้นในบริการขนส่งสาธารณะ และแม้แต่ในที่ทำงาน รัฐบาลนิวเซาท์เวลส์จึงได้เปิดตัวโครงการรณรงค์สร้างความตระหนักเรื่องนี้ในหมู่ประชาชน
นายมาร์ก สปีกแมน อัยการสูงสุดของรัฐนิวเซาท์เวลส์ กล่าวว่า โครงการนี้มีจุดประสงค์เพื่อช่วยเหลือเหยื่อที่ถูกข่มเหงเพราะการเหยียดเชื้อชาติให้เข้าใจสิทธิ์ทางกฎหมายของตน
“ได้มีการออกเป็นกฎหมายอาญาเมื่อปี 2018 ในนิวเซาท์เวลส์ โดยกำหนดให้เป็นความผิดทางอาญาสำหรับการข่มขู่ หรือยุยงให้เกิดความรุนแรง โดยมีสาเหตุมาจากเชื้อชาติ ศาสนา เพศ เพศสภาพ หรือสถานะการมีเชื้อเอชไอวี/เอดส์ของบุคคล และมีโทษสูงสุดคือการจำคุก 3 ปี” นายสปีกแมน เผย
โครงการรณรงค์ดังกล่าว ส่งเสริมให้ประชาชนรายงานเหตุการณ์การใช้ความรุนแรงข่มเหงที่เกิดขึ้นแก่ตำรวจ ผู้ก่อเหตุอาจเผชิญโทษสูงสุดคือการจำคุก 3 ปี
“ผู้คนเหล่านี้ ไม่สมควรจะอยู่ในหมู่พวกเรา ดังนั้น เราจึงจำเป็นต้องดำเนินการอย่างฉับพลันทันทีต่อคนเหล่านี้” โฆษณาสำหรับโครงการนี้ระบุ
ในโฆษณายังมุ่งเน้นถึงภาษาที่ใช้ต่อประชาชนที่มีเชื้อสายเป็นชาวเอเชียโดยเฉพาะ ในระหว่างการระบาดใหญ่ทั่วโลกของเชื้อไวรัสโคโรนา
สารง่ายๆ ที่สำคัญคือ การข่มขู่ต่อพวกเราส่วนหนึ่ง ก็เป็นปัญหาของพวกเราทั้งหมด
เอมมา ที่ไม่ต้องการเปิดเผยชื่อจริงของเธอ เพราะเกรงว่าจะเกิดผลเสียภายหลัง กล่าวถึงประสบการณ์ของเธอเองว่า
“ฉันเคยถูกเรียกว่าแมลงสาบ มักใช้คำหยาบคายอย่าง f word กับฉัน ฉันเคยถูกบอกให้กลับประเทศไปเสีย ... มันไม่มีอะไรใหม่เลย” เอมมา เล่า
คุณปีเตอร์ ดูคาส ประธานสภาชุมชนชาติพันธุ์ของนิวเซาท์เวลส์ เชื่อว่าปัญหานี้จะเลวร้ายลง หากไม่ได้รับการแก้ไขในทันที
“ที่สุดแล้ว มันก็มาจากแก่นของปัญหาคือความเขลา และมันน่าวิตกกว่าเหตุการณ์จับตัวประกันในซิดนีย์ เพราะนั่นเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งหนึ่งแล้วจบไปทันที แต่นี่เกิดขึ้นต่อเนื่อง และหากเราไม่กำราบเสียแต่ต้น มันจะฝังรากลึก” คุณดูคาส กล่าว
การด่าทอและทำร้ายที่เกิดมากขึ้น ส่งผลให้กลุ่มชมุชนต่างๆ ทำการศึกษาวิจัยของตนเอง เพื่อดูว่าการข่มเหงเพราะการเหยียดเชื้อชาตินี้ เกิดแพร่หลายเพียงใด
คุณไซมอน ชาน จาก ไชนีส ออสเตรเลียน ฟอรัม (Chinese Australian Forum) กล่าวว่า เหยื่อจำนวนมากที่ถูกทำร้ายด่าทอเพราะการเหยียดเชื้อชาติ มักไม่รู้ว่าพวกเขาจะทำอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้บ้าง
“พวกเขาไม่รู้ว่าจะไปที่ไหน ไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไร และคิดว่ามันอาจเป็นเรื่องเล็กน้อยเกินไปที่จะแจ้งตำรวจ และชาวเอเชียจำนวนมากชอบเก็บเรื่องเหล่านี้ไว้เองและไม่ค่อยอยากทำให้เป็นเรื่องใหญ่” คุณชาน อธิบาย
จากการสำรวจของ กลุ่มพันธมิตร เอเชียน ออสเตรเลียน อัลไลอันซ์ (Asian Australian Alliance) พบว่า เหตุการณ์ที่กลุ่มได้รับข้อมูลเกือบครึ่ง เกิดตามถนนสาธารณะ หรือริมถนน โดยมักเป็นการด่าทอด้วยคำพูดที่เหยียดเชื้อชาติ
เหยื่อกว่าร้อยละ 60 เป็นผู้หญิง และผู้ตอบแบบสำรวจส่วนใหญ่ไม่ได้แจ้งตำรวจเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
โครงการรณรงค์ที่ว่านี้ เริ่มเปิดตัวตั้งแต่วันที่ 25 พฤษภาคมที่ผ่านมา โดยมีทั้งพอดคาสต์และโปสเตอร์ ที่ส่งสารออกไปอย่างชัดเจนว่า การข่มเหงทางร่างกายและคำพูดนั้น เป็นสิ่งที่ไม่ยอมรับไม่ได้
สำหรับเหยื่ออย่างเอมมาแล้ว การเปลี่ยนแปลงนี้เป็นจุดเริ่มต้นที่ดี แต่ประสบการณ์เลวร้ายยังคงฝังลึกอยู่ในใจของเธอ
“สามีของฉันทำงานเป็นนายหน้าซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ เขามีแผ่นป้ายตั้งไว้ข้างหน้า ซึ่งผู้คนสามารถบอกได้จากนามสกุลของเขาว่า เขามีพื้นเพเป็นชาวเอเชีย ดังนั้น บางครั้งก็จะมีมือดีมาแอบเขียดเขียนป้ายจนเสียหาย” คุณเอมมา เล่า
หากคุณถูกข่มเหงเพราะการเหยียดเชื้อชาติ สามารถแจ้งรายงานได้ออนไลน์ที่ คณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชนแห่งออสเตรเลีย ที่เว็บไซต์ https://humanrights.gov.au/complaints หรือโทรศัพท์สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ 1300 656 419
ประชาชนในออสเตรเลียต้องอยู่ห่างกับผู้อื่นอย่างน้อย 1.5 เมตร คุณสามารถตรวจดูว่ามีข้อจำกัดใดบ้างที่บังคับใช้อยู่ในรัฐและมณฑลของคุณที่นี่
การตรวจเชื้อไวรัสโคโรนาขณะนี้สามารถทำได้ทั่วออสเตรเลีย หากคุณมีอาการของไข้หวัดหรือไข้หวัดใหญ่ ให้ติดต่อขอรับการตรวจเชื้อได้ด้วยการโทรศัพท์ไปยังแพทย์ประจำตัวของคุณ หรือโทรศัพท์ติดต่อสายด่วนให้ข้อมูลด้านสุขภาพเกี่ยวกับเชื้อไวรัสโคโรนา (Coronavirus Health Information Hotline) ที่หมายเลข 1800 020 080
รัฐบาลสหพันธรัฐออสเตรเลียยังได้มีแอปพลิเคชัน COVIDSafe เพื่อติดตามและแจ้งเตือนผู้ที่พบปะใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อโควิด-19 ซึ่งคุณสามารถดาวน์โหลดมาใช้ได้จากแอปสโตร์ (app store) สำหรับโทรศัพท์มือถือของคุณ อ่านเกี่ยวกับแอปพลิเคชันนี้ที่นี่
เรื่องราวที่น่าสนใจจากเอสบีเอส ไทย

คนทำงานด้านย้ายถิ่นจี้รัฐจัดการคำร้องขอสัญชาติคงค้าง