"อาบแดดให้ปลอดภัย" ไม่มีจริง ผู้เชี่ยวชาญเตือนอย่าหลงเชื่อเทรนด์สีผิวแทน

Young woman pulling down bikini bottom to reveal tan line, close-up

Cancer researchers concerned about young people posting TikToks about cultivating tan lines. Source: Getty / Jonathan Storey/Getty Images

กว่าสิบปีที่ "solarium" หรือ เตียงอาบแดด ถูกแบนในออสเตรเลีย แต่ชาวออสเตรเลียจำนวนมากยังคงชอบสีผิวแทน อีกทั้งยังมีเทรนด์ผิวแทนให้เห็นหลายล้านโพสต์บนโลกโซเชียลมีเดีย ผู้เชี่ยวชาญด้านมะเร็งผิวหนังกังวลกับความนิยมที่กำลังเพิ่มขึ้นจากการใช้เตียงอาบแดดแบบใหม่ที่เรียกว่า "collarium" แถมยังถูกโฆษณาเป็นตัวเลือกเพื่อสุขภาพแทน


กด ▶ ฟังพอดคาสต์ด้านบน

แนวโน้มการอาบแดดพร้อมแฮชแท็ก #sunburnttanlines ได้รับความสนใจมากกว่า 2 ล้านวิวบน TikTok ในช่วงฤดูร้อนนี้

แม้ว่าจะมีผู้ใช้งานโซเชียลมีเดียหลายคนออกมาเตือนถึงผลกระทบที่เป็นอันตรายของเทรนด์การอาบแดด แต่ผู้เชี่ยวชาญยังคงมองว่าเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วง

"เราต้องพูดถึงเทรนด์การมีผิวแทน และหากเทรนด์นี้กำลังครองพื้นที่ในอัลกอริทึมบนโลกโซเชียลมีเดียของคุณ คุณควรดูวิดีโอนี้ เพราะฉันหวังว่าสิ่งที่ฉันแบ่งปันจะทำให้คุณมีข้อมูลที่ครบถ้วนและช่วยให้คุณตัดสินใจได้ว่าคุณอยากจะร่วมเทรนด์ผิวสีแทนนี้หรือไม่ เพราะมันเป็นสิ่งที่อันตรายมาก โดยในประเทศออสเตรเลีย เรามีอัตราการเกิดมะเร็งเมลาโนมาสูงที่สุดในโลก ซึ่งมะเร็งเมลาโนมานี้เป็นมะเร็งผิวหนัง ที่คร่าชีวิตชาวออสเตรเลียปีละกว่าสองพันคน ดิฉันบอกได้เลยว่าไม่มี “ผิวแทนที่ปลอดภัย” ไม่มีจริง"

ดร.แอนดรูว์ เดททริก (Dr. Andrew Dettrick) รองศาสตราจารย์ที่มหาวิทยาลัย Sunshine Coast กล่าวว่า

"เรารู้สึกกังวลที่ได้เห็นเทรนด์นี้บน TikTok โดยเฉพาะในกลุ่มคนหนุ่มสาวและผู้หญิงที่ตั้งใจอาบแดดเพื่อให้เกิดรอยผิวสีแทน สิ่งนี้ทำให้เราคิดว่าเป็นเวลาที่เหมาะสมในการพยายามส่งข้อความเรื่องความปลอดภัยจากแสงแดดอีกครั้ง และเตือนผู้คนถึงอันตรายของรังสียูวี"

ในฐานะนักวิจัยมะเร็งผิวหนังและพยาธิวิทยาทางสุขภาพ ดร.เดททริกกล่าวว่ามีการรณรงค์โดยรัฐบาลและมูลนิธิมะเร็งเพื่อแก้ไขปัญหานี้

"'End the Trend' เป็นแคมเปญที่ขับเคลื่อนโดยกลุ่มคนที่พยายามเปลี่ยนแปลงแนวคิดนี้ เราจำเป็นต้องกลับมาสู่ความเข้าใจว่าไม่มีอะไรที่เรียกว่าผิวแทนที่ปลอดภัย ผิวแทนคือผิวที่ถูกทำลาย รังสียูวีก่อให้เกิดมะเร็งเมลาโนมา มะเร็ง BCC มะเร็ง SCC ความเสียหายต่อดวงตา และริ้วรอยก่อนวัย"

เดือนมกราคมปีนี้นับว่าเป็นปีที่สิบ ตั้งแต่มรการห้ามใช้โซลาเรียม หรือเตียงอาบแดดเชิงพาณิชย์ในออสเตรเลียแม้จะมีการห้าม แต่วัฒนธรรมของออสเตรเลียยังคงยกย่องการมีผิวแทน จึงทำให้การใข้โซลาเรียมในเชิงพาณิชย์ก็กลับมาอีกครั้ง

ซึ่งอุปกรณ์ใหม่นี้ที่เรียกว่า "คอลลาเรียม" หรือ "เตียงคอลลาเจน" ที่ได้รับการโปรโมตว่าเป็นทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพ แม้ความจริงแล้วเตียงนี้จะปล่อยรังสียูวีด้วยก็ตาม

ศาสตราจารย์แอนน์ คัสต์ (Prof. Anne Cust) ประธานคณะกรรมการมะเร็งผิวหนังแห่งชาติของมูลนิธิมะเร็งกล่าวว่า

"อุปกรณ์เหล่านี้ดูเหมือนการรีแบรนด์ให้กับโซลาเรียมด้วยการเปลี่ยนชื่อใหม่ แต่แท้จริงแล้วเป็นเครื่องที่ปล่อยรังสียูวีซึ่งเรารู้ว่าทำให้เกิดความเสียหายต่อดีเอ็นเอ ทำลายคอลลาเจน และทำให้เกิดริ้วรอย แต่กลับถูกโฆษณาว่าดีต่อสุขภาพ เราทราบดีว่าอุปกรณ์ที่ปล่อยรังสียูวีเพื่อจุดประสงค์ในการทำผิวแทนนั้นไม่ปลอดภัย" เขากล่าว

และด้วยชื่อที่เรียกกันทั่วไปว่า "เตียงอาบแดด" หรือ "แทนนิ่งเบด" ถูกจัดอยู่ในหมวดความเสี่ยงสูงสุดตามการจัดประเภทของ International Agency for Research on Cancer ในกลุ่ม 1 ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็งในมนุษย์ การได้รับรังสียูวีมากเกินไปทำให้เกิดมะเร็งเมลาโนมากถึง 95% ซึ่งเป็นมะเร็งผิวหนังชนิดร้ายแรงที่สุด

โดยศาสตราจารย์แอนน์กล่าวว่าชาวออสเตรเลียกว่า 2 ล้านคน หรือ 9.4% ของประชากร ได้มีการออกไปอาบแดดในปีที่ผ่านมา

จากการสำรวจที่ได้รับทุนจากมูลนิธิมะเร็งโดยสำนักงานสถิติแห่งออสเตรเลียในปีที่แล้ว พบว่าผู้ตอบแบบสอบถามเกือบ 1.5 ล้านคน (6.4%) ถูกแดดเผาในช่วงสัปดาห์ก่อนการสำรวจ

"ชาวออสเตรเลียเพียงครึ่งหนึ่งใช้วิธีป้องกันแสงแดดสามวิธีขึ้นไปเมื่อสัมผัสแสงแดดในช่วงเวลาที่รังสียูวีสูง และคนหนุ่มสาวมีแนวโน้มที่จะใช้การป้องกันแสงแดดไม่เพียงพอ เราพบว่าหนึ่งในสิบคนพยายามอาบแดด และในกลุ่มคนหนุ่มสาวอายุ 18-24 ปี จำนวนดังกล่าวเพิ่มขึ้นเป็นหนึ่งในห้าคน"

มีวิธีป้องกันแสงแดดห้าประการที่มูลนิธิมะเร็งแนะนำ ได้แก่การสวมเสื้อผ้าที่ปกปิด, การใช้ครีมกันแดดชนิดกันน้ำ SPF 50 หรือ SPF 50+, การสวมหมวกปีกกว้าง, การหาที่ร่ม และการใส่แว่นกันแดด

แม้ว่าจะมีการห้ามใช้โซลาเรียมเชิงพาณิชย์ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา การเป็นเจ้าของและใช้โซลาเรียมด้วยตัวเองในพื้นที่ส่วนตัวยังคงถูกกฎหมายและไม่ได้รับการควบคุม

"โซลาเรียมทำงานโดยการปล่อยรังสียูวีเทียมที่มีความเข้มข้นสูงมาก ซึ่งสามารถสูงถึง 30 หรือ 40 ดัชนี UV ในโซลาเรียมเชิงพาณิชย์ ในวันที่แดดจ้าสดใสในซันไชน์โคสต์ในฤดูร้อน ดัชนี UV จะอยู่ที่ 13 หรือ 14 และคุณอาจได้รับความเสียหายต่อผิวหนังอย่างรุนแรงภายในไม่ถึงสิบนาทีที่สัมผัสแสงแดดนั้น"

ก่อนที่การใช้โซลาเรียมเพื่อเชิงพาณิชย์จะถูกแบน คาดการณ์ว่ามีผู้ป่วยมะเร็งผิวหนังมากกว่า 2,800 ราย และผู้เสียชีวิตจากมะเร็งเมลาโนมา 43 รายในแต่ละปีที่เกี่ยวข้องกับการใช้โซลาเรียม

ดร.แอนดรูว์ เดททริกกล่าวว่าค่าใช้จ่ายเหล่านี้ทำให้ระบบสาธารณสุขออสเตรเลียเสียหายประมาณ 3 ล้านดอลลาร์

"มะเร็งเมลาโนมามีสัดส่วนประมาณ 1 ใน 50 ของมะเร็งผิวหนังทั้งหมด และผู้คนดูเหมือนจะคุ้นเคยกับมะเร็งเมลาโนมา แต่กลับไม่ค่อยรู้จักมะเร็งผิวหนังชนิดอื่น ๆ อย่าง BCC และ SCC ซึ่งกลุ่มนี้มีแนวโน้มที่น่าตกใจ"

ในขณะที่ผู้คนจำนวนไม่น้อยกำลังหาทางส่งข้อความต้านกระแสที่อันตรายของการอาบแดดเช่นนี้ ทางด้านทสภามะเร็งออสเตรเลียเองก็กำลังสื่อสารกับชาวออสเตรเลียให้รับมือกับการเผชิญแสงแดดอย่างรู้เท่าทัน ด้วยวิธีป้องกันแสงแดดห้าประการตามที่แนะนำเมื่อต้องออกไปเจอแสงยูวีระดับสามขึ้นไป

"คุณสามารถดูความอันตรายของแสงแดดผ่านแอปพลิเคชัน Sun Smart ที่ตอนนี้มีให้โหลดได้ฟรีแล้วสำหรับโทรศัพท์ทุกประเภท ซึ่งไม่ได้จำกัดแค่ที่ออสเตรเลียเท่านั้น คุณยังสามารถดูค่า UV Index ของประเทศอื่นได้ด้วย”

Share
Follow SBS Thai

Download our apps
SBS Audio
SBS On Demand

Listen to our podcasts
Independent news and stories connecting you to life in Australia and Thai-speaking Australians.
Understand the quirky parts of Aussie life.
Get the latest with our exclusive in-language podcasts on your favourite podcast apps.

Watch on SBS
Thai News

Thai News

Watch in onDemand