Feature

การเปลี่ยนแปลงด้านนโยบายการย้ายถิ่นของออสเตรเลียจะดำเนินไปอย่างไรในปี 2025

รัฐบาลได้เปิดเผยชุดแผนการปฏิรูปในปี 2024 ซึ่งส่วนใหญ่มุ่งเป้าไปที่การย้ายถิ่นฐานชั่วคราวสำหรับแรงงานทักษะและนักเรียนต่างชาติ ผู้เชี่ยวชาญกำลังรอดูว่าการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้จะดำเนินไปอย่างไรในปีนี้

Graphic art of person wearing a backpack looks at a board of airport arrivals overlaid with two boarding passes and an immigration stamp

The government unveiled a raft of migration changes in 2024. Source: SBS

มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในระบบการย้ายถิ่นฐานบางส่วนของออสเตรเลียเมื่อปีที่แล้ว เนื่องจากรัฐบาลได้ออกมาเคลื่อนไหวเพื่อหยุดยั้งสิ่งที่เรียกว่า "การย้ายถิ่นชั่วคราวถาวร" ในหมู่ผู้ถือวีซ่า

ยุทธศาสตร์ที่รอคอยกันมานานนี้เกิดขึ้นหลังจากมีการตรวจสอบระบบการย้ายถิ่นฐาน ซึ่งเผยแพร่ในเดือนธันวาคม 2023 และยังมีจุดมุ่งหมายเพื่อยกระดับมาตรฐานการศึกษาของนักเรียนต่างชาติ การจัดการกับการแสวงหาประโยชน์ และกำหนดเป้าหมายการย้ายถิ่นฐานของแรงงานทักษะให้สอดคล้องกับปัญหาการขาดแคลนในประเทศ

สำหรับเบน วัตต์ เอเย่นต์ด้านการย้ายถิ่นฐานและทนายความที่ลงทะเบียนแล้ว มองว่า รัฐบาลอัลบานีซี "ได้กล่าวถึงสิ่งที่พวกเขาจะทำ และพวกเขาได้ทำไปแล้วอย่างมาก"

“การยุติการย้ายถิ่นชั่วคราวถาวรเป็นการตัดสินใจที่ชาญฉลาด และผมคิดว่าการเปลี่ยนแปลงที่พวกเขาทำนั้นเป็นเรื่องดี” เขากล่าวกับ SBS News
'การอยู่ชั่วคราวถาวร' หมายถึงการพำนักระยะยาว ซึ่งมักเกิดจากการ 'เปลี่ยนวีซ่า' ซึ่งผู้คนจะอยู่ในประเทศเป็นเวลาหลายปีโดยเปลี่ยนประเภทวีซ่าไปเรื่อยๆ

แม้ว่าวัตต์จะคิดว่าโดยรวมการปฏิรูปนี้เป็นเรื่องดี แต่เขาก็มองว่าการปฏิรูปบางส่วนจะช่วย "ปรับจูน" ระบบแทนที่จะส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่

"เมื่อพิจารณาถึงการอภิปรายทั้งหมดนี้ ... จำนวนวีซ่าถาวรก็ยังคงเท่าเดิม" เขากล่าว

อาบูล ริซวี อดีตรองเลขาธิการกรมตรวจคนเข้าเมืองตั้งแต่ต้นทศวรรษ 1990 จนถึงปี 2007 เห็นด้วยว่านี่เป็นเรื่องที่น่ากังวล

มีการเปลี่ยนแปลงเรื่องวีซ่าที่สำคัญอะไรบ้างที่ประกาศในปี 2024?

รัฐบาลได้จัดสรรที่นั่ง 185,000 ที่สำหรับโครงการย้ายถิ่นฐานถาวรสำหรับปี 2024-25 ซึ่งลดลงจาก 190,000 ที่ในปีงบประมาณก่อนหน้า

โดยรัฐบาลได้จัดสรรที่นั่ง 132,200 ที่ (ประมาณร้อยละ 71) สำหรับผู้ย้ายถิ่นฐานที่มีทักษะ (skilled migrants ซึ่งลดลงจาก 137,100 ที่ในปี 2023-24) รวมถึงวีซ่าที่นายจ้างสปอนเซอร์อีก 44,000 ที่ (เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 36,825 ) วีซ่าแรงงานทักษะแบบไม่มีนายจ้างสปอนเซอร์อีก 16,900 ที่ (ลดลงเกือบครึ่งหนึ่งจาก 30,375 ใบ) วีซ่าสำหรับภูมิภาค 33,000 ที่ (ใกล้เคียงกับปีก่อนหน้าที่ 32,300 ) และวีซ่าแรงงานทักษะที่ได้รับการเสนอชื่อสำหรับรัฐและเขตปกครองอีก 33,000 ที่ (เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 30,400 )

รวมวีซ่าอีก 5,000 ที่(ลดลงจาก 6,900 ) ที่ได้รับการจัดสรรให้กับโปรแกรมวีซ่าด้านนวัตกรรมทางธุรกิจและการลงทุนและความสามารถระดับโลก(Business Innovation and Investment and Global Talent visa streams) ซึ่งโปรแกรมก่อนหน้าได้ปิดตัวลงในเดือนกรกฎาคมและถูกแทนที่ด้วยด้วยวีซ่านวัตกรรมแห่งชาติตัวใหม่

การเปลี่ยนแปลงที่ประกาศไว้หลายประการมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 กรกฎาคม 2024 โดยมีการเปิดเผยการปฏิรูปโปรแกรมวีซ่าสำหรับแรงงานทักษะในเดือนธันวาคม

วีซ่านักเรียน

เมื่อปลายปีที่แล้ว รัฐบาลได้เสนอให้จำกัดจำนวนนักเรียนต่างชาติที่ลงทะเบียนเรียนในปีนี้ไว้ที่ 270,000 คน อย่างไรก็ตาม ฝ่ายค้านได้ขัดขวางแผนดังกล่าว จนทำให้รัฐบาลต้องยกเลิก

อย่างไรก็ดี รัฐบาลได้ออกมาตรการใหม่ในการจัดการจำนวนนักเรียนต่างชาติที่เข้ามาในออสเตรเลีย

แนวนโยบายใหม่ของกระทรวงที่ 111 จะดำเนินการจัดการวีซ่านักเรียนสองประเภทด้วยกัน ได้แก่ กลุ่ม "ความสำคัญสูง" (high priority) และ กลุ่ม "ความสำคัญทั่วไป" (standard priority) แทนที่การกำหนดเพดาน

โดยจะมีการดำเนินการดังต่อไปนี้

ผู้ให้บริการการศึกษานักเรียนต่างชาติทั้งหมดจะได้รับ high priority ถึง 80 เปอร์เซ็นต์ของจำนวนนักเรียนต่างชาติที่คาดว่าจะรับในปีนี้ หลังจาก 80 เปอร์เซ็นต์แล้ว พวกเขาจะได้รับ standard priority

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงด้านกิจการภายในประเทศ โทนี่ เบิร์ก กล่าวในการประกาศการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวว่า "จริงๆ แล้วทางเลือกที่ดีที่สุดคือการกำหนดเพดานที่ปีเตอร์ ดัตตันลงมติไม่เห็นด้วย แต่กระนั้นทางเลือกนี้จะทำให้เราสามารถใช้ประโยชน์จากหนึ่งในปัจจัยที่สำคัญที่สุดในระบบการย้ายถิ่นฐานของเราได้"

แนวนโยบายใหม่นี้จะเข้ามาแทนที่แนวนโยบายที่ 107 ซึ่งรัฐบาลเสนอเมื่อปีที่แล้ว เพื่อลดจำนวนนักศึกษาในระยะสั้น โดยการชะลอการดำเนินการวีซ่าสำหรับมหาวิทยาลัยขนาดเล็กและนักศึกษาจากประเทศที่ถือว่ามีแนวโน้มที่จะละเมิดกฎเรื่องวีซ่า
มีการเปลี่ยนแปลงอื่นๆ หลายประการในโครงการวีซ่านักเรียน

ซึ่งรวมถึงการปฏิรูปคุณสมบัติ โดยมีข้อจำกัดที่ห้ามผู้ถือวีซ่าชั่วคราวบางคนยื่นขอวีซ่านักเรียน

ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคมปีที่แล้ว ผู้ถือวีซ่าชั่วคราวสำหรับผู้สำเร็จการศึกษา (temporary graduate) นักท่องเที่ยว และลูกเรือเดินทะเลไม่สามารถยื่นขอวีซ่านักเรียนขณะอยู่ในออสเตรเลียได้ รายละเอียดทั้งหมดสามารถดูได้ในเว็บไซต์ของกระทรวงกิจการภายในประเทศ

กระทรวงฯ ระบุในขณะนั้นว่า "การเปลี่ยนวีซ่าบ่อยครั้ง(Visa hopping) ส่งผลให้เกิดกลุ่มอาศัยชั่วคราวถาวรที่อาศัยอยู่ในออสเตรเลียมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น ซึ่งคืออดีตนักเรียนต่างชาติ”

"การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้เมื่อรวมกับมาตรการอื่นๆ จะช่วยปิดช่องโหว่นี้และยุติเรื่องนี้"

นอกจากนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2024 ค่าธรรมเนียมวีซ่านักเรียนต่างชาติเพิ่มขึ้นจาก 710 ดอลลาร์เป็น 1,600 ดอลลาร์

ข้อกำหนดความสามารถทางการเงิน หรือจำนวนเงินที่ผู้สมัครวีซ่านักเรียนและผู้ปกครองนักเรียนต้องมีเพื่อให้มีสิทธิ์ เพิ่มขึ้นตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2024 ซึ่งสอดคล้องกับสัดส่วน (75 เปอร์เซ็นต์) ของค่าจ้างขั้นต่ำของประเทศ ข้อกำหนดด้านภาษาอังกฤษฉบับใหม่มีผลบังคับใช้ในเดือนมีนาคมเช่นกัน
ริซวีกล่าวว่าจำเป็นต้องทำการเปลี่ยนแปลงนโยบายวีซ่านักเรียนหลายอย่าง

แม้ว่าการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้จะส่งผลกระทบต่ออัตราการสมัคร แต่เขากล่าวว่าผลกระทบที่ใหญ่ที่สุดมาจากอัตราการปฏิเสธวีซ่าที่เพิ่มขึ้น

วีซ่าชั่วคราวสำหรับผู้สำเร็จการศึกษา (Temporary Graduate)

ภายใต้การเปลี่ยนแปลงที่มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม ระยะเวลาการพำนักสำหรับผู้ถือวีซ่าชั่วคราวสำหรับผู้สำเร็จการศึกษา (TGV) ได้รับการปรับลดลงและมีการกำหนดอายุใหม่

วีซ่าชั่วคราวสำหรับผู้สำเร็จการศึกษา (subclass 458) ได้รับการปรับเปลี่ยนจาก 4 ประเภทเป็น 3 ประเภท ได้แก่ หลังการศึกษาอาชีวศึกษา หลังการศึกษาอุดมศึกษา และหลังการศึกษาอุดมศึกษาครั้งที่สอง

อายุจำกัดลดลงเหลือ 35 ปีหรือต่ำกว่า ส่วนผู้ที่สำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาโทหรือปริญญาเอก (PhD) ยังคงมีสิทธิ์จนถึงอายุ 50 ปี

ผู้ถือหนังสือเดินทางของฮ่องกงและบริติช เนชั่นแนล โอเวอร์ซีส์ ยังคงมีสิทธิ์จนถึงอายุ 50 ปี
ระยะเวลาพำนักไม่เปลี่ยนแปลงสำหรับผู้ถือ TGV ในกลุ่มงานหลังอาชีวศึกษา ซึ่งยังคงอยู่ได้นานถึง 18 เดือน

แต่สำหรับผู้ที่อยู่ในกลุ่มงานหลังอุดมศึกษา ระยะเวลาพำนักจะเปลี่ยนแปลงไป โดยผู้ที่สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี รวมถึงปริญญาเกียรตินิยม สามารถพำนักได้นานถึง 2 ปี สำหรับปริญญาโทแบบเรียนรายวิชา ระยะเวลาพำนักสูงสุดจะอยู่ที่ 2 ปี และสำหรับนักศึกษาที่ศึกษาระดับปริญญาโทแบบวิจัยหรือปริญญาเอก จะอยู่ที่ 3 ปี

วีซ่าสำหรับความต้องการทักษะ

วัตต์กล่าวว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่สุดอย่างหนึ่งในปี 2024 เกี่ยวข้องกับวีซ่าที่นายจ้างสปอนเซอร์ ซึ่งได้รับการ "ขยายและปรับปรุง" ด้วยการเปิดตัววีซ่าสำหรับแรงงานทักษะที่มีความต้องการ (SID)

วีซ่าใหม่นี้มาแทนที่วีซ่าสำหรับแรงงานทักษะที่ต้องการชั่วคราว (TSS, subclass 482) และอนุญาตให้นายจ้างให้การสนับสนุนคนงานที่มีสิทธิ์เพื่อเติมตำแหน่งที่พวกเขาไม่สามารถหาคนงานชาวออสเตรเลียที่มีทักษะที่เหมาะสมได้

วีซ่า SID สองประเภทมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม

ผู้ที่มีสิทธิ์สามารถอยู่ในออสเตรเลียด้วยวีซ่าได้นานถึงสี่ปี ในขณะที่ผู้ถือหนังสือเดินทางฮ่องกงสามารถอยู่ได้นานถึงห้าปี

วีซ่ามีสามประเภทได้แก่: ทักษะหลัก ซึ่งเน้นที่พื้นที่งานที่มีการขาดแคลน ทักษะเฉพาะทาง สำหรับผู้ย้ายถิ่นฐานที่มีรายได้สูงและทักษะสูง และประเภทที่มีอยู่แล้วสำหรับผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อให้ทำงานในงานที่ระบุภายใต้ทีมงานของข้อตกลงแรงงาน
ทั้งนี้ภายใต้รายชื่อตำแหน่งงานในทักษะหลัก (core skills stream) ผู้ถือสิทธิ์จะต้องได้รับการสนับสนุนให้ทำงานในอาชีพที่ระบุไว้ในรายชื่ออาชีพหลัก (CSOL) ของรัฐบาลที่อัปเดตใหม่ ซึ่งเผยแพร่ในเดือนธันวาคม

พวกเขาจะต้องมีคุณสมบัติตรงตามเกณฑ์รายได้ทักษะหลัก (CSIT) ที่เสนอไว้ ซึ่งสอดคล้องกับเกณฑ์รายได้การย้ายถิ่นฐานชั่วคราวสำหรับผู้ที่มีทักษะ (TSMIT) ซึ่งเพิ่มขึ้นเป็น 73,150 ดอลลาร์ในเดือนกรกฎาคม

ผู้สมัครในกลุ่มแรงงานทักษะเฉพาะทาง (ในอาชีพใดๆ ยกเว้นช่างฝีมือ ผู้ควบคุมเครื่องจักร คนขับ และคนงาน) จะต้องตรงตามเกณฑ์รายได้ทักษะเฉพาะทาง (SSIT) ซึ่งอยู่ที่ 135,000 ดอลลาร์

เกณฑ์รายได้จะต้องได้รับการปรับตามดัชนีรายปี

โฆษกที่ดูแลกระทรวงกิจการภายในกล่าวกับ SBS News ว่าข้อตกลงแรงงานที่มีอยู่ภายใต้วีซ่า TSS จะยังคงมีให้บริการภายใต้วีซ่า SID ในขณะที่กำลังมีการพัฒนากลุ่มประเภทแรงงานทักษะที่จำเป็นเพิ่มเติม

วีซ่านวัตกรรมแห่งชาติ

ในเดือนธันวาคม วีซ่านวัตกรรมแห่งชาติ (subclass 858) ได้เข้ามาแทนที่วีซ่าประเภท Global Talent ในฐานะวีซ่าถาวร ( PR) สำหรับนักวิจัย ผู้ประกอบการ และนักลงทุนที่มีผลงานดีในภาคส่วนสำคัญ

ผู้สมัครที่จะต้องแสดงความสนใจเพื่อให้กระทรวงกิจการภายในพิจารณาและทำการเชิญ

ใบสมัคร Global Talent ที่มีอยู่จะยังคงได้รับการดำเนินการตามลำดับความสำคัญและระดับการวางแผน

วัตต์กล่าวว่าวีซ่าใหม่นี้เป็นวีซ่าแบบกระชับขึ้นจากวีซ่าแบบเดิม

"ในแง่ของจำนวนวีซ่าถาวรจริงที่จะมีให้บริการนั้น ก็ยังคงเท่าเดิม"

กระบวนการจับฉลาก

รัฐบาลได้นำกระบวนการจับฉลากก่อนสมัครสำหรับวีซ่าบางประเภท รวมถึงวีซ่าภายใต้โปรแกรม Working Holiday Maker

ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2024 การลงทะเบียนเพื่อจับฉลาดจะเปิดให้ผู้สมัครวีซ่า Work and Holiday (subclass 462) จากจีน อินเดีย และเวียดนาม

กรมฯ กล่าวว่ากระบวนการดังกล่าวเป็น "วิธีการที่ยุติธรรม คล่องตัว และโปร่งใส" ในการคัดเลือกผู้สมัครแบบสุ่มจากประเทศคู่ค้าที่มีความต้องการมากกว่าจำนวนที่นั่งว่างในปีโปรแกรม
นอกจากนี้ ยังมีใช้วิธีจับฉลาดเพื่อขอวีซ่าชั่วคราวใหม่สำหรับพลเมืองอินเดีย ซึ่งจะสามารถอาศัยและทำงานในออสเตรเลียได้นานถึง 2 ปี

ภายใต้โครงการ Mobility for Talented Early-professionals (MATES) ผู้สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยและผู้ประกอบอาชีพในช่วงต้นจากมหาวิทยาลัยในอินเดียที่มีคุณสมบัติในด้านต่างๆ เช่น พลังงานหมุนเวียน การทำเหมือง วิศวกรรม และเทคโนโลยีชุมชน สามารถลงทะเบียนได้

จะมีการจัดสรรที่นั่งสูงสุด 3,000 ที่นั่งภายใต้วีซ่า Temporary Work (International Relations — subclass 403) ทุกปี การจับฉลากครั้งแรกเปิดให้ลงทะเบียนเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม

การจับฉลากครั้งแรกเกิดขึ้นระหว่างเดือนมิถุนายนถึงสิงหาคมของปีที่แล้วสำหรับวีซ่าที่อนุญาตให้ผู้อพยพจากประเทศในแปซิฟิกและติมอร์-เลสเตอาศัยและทำงานในออสเตรเลียอย่างถาวร

วีซ่า Pacific Engagement (PEV, subclass 192) จะมอบที่นั่งถาวรสูงสุด 3,000 ที่นั่งทุกปี นอกเหนือจากโครงการย้ายถิ่นฐานถาวร

กฎหมายที่อนุญาตให้ใช้การจับฉลากสำหรับ PEV ผ่านรัฐสภาในเดือนตุลาคม 2023

ระดับการย้ายถิ่นฐานของออสเตรเลียและการกลับสู่ "ภาวะปกติ"

รัฐบาลคาดหวังว่ากลยุทธ์ของตนจะช่วยให้การย้ายถิ่นฐานกลับสู่ "ระดับใกล้เคียงกับก่อนเกิดโรคระบาด" ภายในปีงบประมาณหน้า

การระบาดของ COVID-19 ทำให้ประเทศออสเตรเลียต้องปิดพรมแดนในปี 2020 และระดับการย้ายถิ่นฐาน ซึ่งบางครั้งเรียกว่าการย้ายถิ่นฐานสุทธิจากต่างประเทศ หรือ NOM ก็ลดลง

NOM หมายถึงความแตกต่างระหว่างผู้ที่เข้าและออกจากออสเตรเลีย และรวมถึงทั้งผู้ย้ายถิ่นฐานและชาวออสเตรเลีย

เมื่อมีการเปิดพรมแดนอีกครั้งในปี 2021-22 ผู้ย้ายถิ่นฐานชั่วคราวและถาวรก็กลับมา และจำนวนผู้เข้ามาก็เพิ่มขึ้นชั่วคราวหรือ "เพิ่มขึ้นตาม" ในเวลาต่อมา

"การย้ายถิ่นฐานสุทธิพุ่งสูงกว่าครึ่งล้านคน ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์ของออสเตรเลีย ทำให้เกิดความตื่นตระหนกเล็กน้อย" ปีเตอร์ แมคโดนัลด์ ศาสตราจารย์ด้านประชากรศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยแห่งชาติออสเตรเลียกล่าว

“แต่หากคุณใช้เวลา 4 ปี ตั้งแต่ปี 2020 ถึง 2024 โดยเฉลี่ย ระดับการอพยพจะเกือบเท่าเดิมเมื่อเทียบกับช่วงก่อนหน้านั้น เพียงแต่ว่าอยู่ในระดับต่ำมากในช่วงหนึ่งและสูงมากในอีกช่วงหนึ่ง” ปัญหามาจากจำนวนผู้อพยพออกจากออสเตรเลียในปีนั้นที่ลดลง ซึ่งต่ำกว่าการคาดการณ์ของรัฐบาลประมาณ 55,000 ราย ตามข้อมูลของแมคโดนัลด์

หลังจากถึงจุดสูงสุดในปี 2022-23 จำนวนผู้อพยพออกจากออสเตรเลียประจำปีก็ลดลงเหลือ 446,000 รายในปี 2023-24 ตามข้อมูลที่เผยแพร่โดยสำนักงานสถิติออสเตรเลียในเดือนธันวาคม

ซึ่งสูงกว่าการคาดการณ์ของรัฐบาลสำหรับในงบประมาณปี 2023-24 ประมาณ 130,000 ราย (315,000 ราย) และมากกว่าการคาดการณ์ที่แก้ไขแล้วในงบประมาณปี 2024-25 ประมาณ 51,000 ราย

ถือเป็นการลดลงประจำปีครั้งแรกนับตั้งแต่พรมแดนของประเทศเปิด จำนวนผู้อพยพที่มาถึงลดลงร้อยละ 10 ในขณะที่จำนวนผู้ออกเดินทางเพิ่มขึ้นร้อยละ 8 เมื่อเทียบกับปีก่อน
ริซวีกล่าวว่าการลดลงครั้งนี้ "หลีกเลี่ยงไม่ได้" เนื่องจากการเข้มงวดของนโยบายของรัฐบาลผ่านการเปลี่ยนแปลง "แบบทันที"

รัฐบาลคาดการณ์ในงบประมาณปีที่แล้วว่า NOM จะลดลงเหลือ 260,000 ในปี 2024-25

เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม การคาดการณ์เศรษฐกิจและการคลังกลางปี (MYEFO) ได้แก้ไขตัวเลขเพิ่มขึ้นอีก 80,000 เป็น 340,000 ราย ส่วนการคาดการณ์สำหรับปี 2025-26 อยู่ที่ 255,000 ราย

"มันยังมากอยู่ แต่กำลังลดลง และตราบใดที่เราไม่ตื่นตระหนก ตัวเลขจะลดลงอีกเมื่อมีการเดินทางกลับ เมื่อเวลาผ่านไป เราจะกลับมาเป็นปกติ" แมคโดนัลด์กล่าว ก่อนการอัปเดต MYEFO

การเลือกตั้งระดับสหพันธรัฐที่ใกล้เข้ามา

ในการตอบเรื่องงบประมาณเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ปีเตอร์ ดัตตัน ผู้นำฝ่ายค้าน ให้คำมั่นว่าหากได้รับการเลือกตั้ง จะลดการอพยพถาวรลงร้อยละ 25 ต่อปีตั้งแต่ปี 2024-25 จาก 185,000 คน เหลือ 140,000 คน ในเวลา 2 ปี จากนั้นจึงค่อยเพิ่มเป็น 160,000 คน ในอีก 2 ปีถัดมา

ในการสัมภาษณ์สถานีวิทยุ 3AW และ 2GB ในวันถัดมา เขายังให้คำมั่นว่าจะลดการอพยพระหว่างประเทศสุทธิลงเหลือประมาณ 160,000 คน

เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม ดัตตันให้สัมภาษณ์กับ Sky News หลายครั้ง เขาถูกถามซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าเป้าหมาย NOM ของเขาอยู่ที่ 160,000 คนหรือไม่ แต่เขากลับอ้างถึงคำมั่นสัญญาการอพยพถาวรของเขาแทน

“สิ่งที่เราพูดไปก็คือ เราต้องการให้การอพยพของเราลดลงในสองปีแรก และจะเพิ่มขึ้นในปีที่สามและสี่ และเราจะลดจำนวนผู้ที่เข้ามาผ่านโครงการด้านมนุษยธรรมและผู้ลี้ภัยให้เหลือเท่ากับค่าเฉลี่ยในระยะยาว” ดัตตันกล่าว

“นั่นคือสิ่งที่จะได้ผลสำหรับประเทศของเรา อีกครั้ง เราจะดูสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของเรา ดังที่เราได้กล่าวไว้เมื่อประกาศนโยบาย เมื่อเราเข้าไปหารัฐบาล เพื่อกำหนดว่าพรรคแรงงานสร้างความเสียหายไปมากเพียงใด และเราต้องทำอะไร” โฆษกของดัตตันกล่าวว่าเขาได้ให้บันทึกเกี่ยวกับตัวเลขการย้ายถิ่นฐานถาวรและสุทธิของพรรคร่วมรัฐบาลหลายครั้งแล้ว “ฉันไม่คิดว่าเขาจะถูกกล่าวหาว่าหลบเลี่ยงเรื่องนี้” พวกเขากล่าว

ชาวออสเตรเลียจะไปลงคะแนนเสียงในช่วงเดือนห้าของปีนี้

การเปลี่ยนแปลงอื่นๆ ที่อาจเกิดขึ้นในปี 2025 มีอะไรอีกบ้าง?

เมื่อรัฐบาลประกาศแผนที่จะจำกัดจำนวนการลงทะเบียนเรียนของนักศึกษาต่างชาติในปี 2024 ได้มีการกล่าวว่ามาตรการดังกล่าวจะทำให้ภาคส่วนนี้มีความยั่งยืนมากขึ้น

มาตรการดังกล่าวทำให้ผู้ให้บริการด้านการศึกษาบางรายเกิดความกังวล

รายงานของวุฒิสภาได้แนะนำว่ากฎหมายดังกล่าวควรผ่านการพิจารณาของรัฐสภาด้วยการแก้ไขเพิ่มเติม อย่างไรก็ตาม รัฐบาลได้เปลี่ยนแนวทางหลังจากเผชิญกับการคัดค้านอย่างหนักจากพรรคร่วมรัฐบาลและพรรคกรีน

เจสัน แคลร์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการได้กล่าวถึงแนวทางของรัฐมนตรีที่ 111 ที่สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงนี้ว่า "การปรับปรุงแนวทางปัจจุบันจะเสริมสร้างความสามารถของเราในการจัดการกับการไหลบ่าของนักศึกษาต่างชาติ และสนับสนุนผู้ให้บริการด้านการศึกษาระดับภูมิภาคได้ดีขึ้น"

"ไม่ควรมีเพียงมหาวิทยาลัยขนาดใหญ่ในตัวเมืองเท่านั้นที่ได้รับประโยชน์จากการศึกษาของนักศึกาต่างชาติ TAFE มหาวิทยาลัยระดับภูมิภาคและชานเมืองก็ควรได้รับประโยชน์เช่นกัน และแนวทางใหม่นี้จะช่วยให้เราทำเช่นนั้นได้"

ริซวีโต้แย้งว่าเรื่องนี้เป็นปัญหาที่ใหญ่กว่า

“จะเกิดอะไรขึ้นกับบัณฑิตชั่วคราวและนักศึกษาที่กำลังมองหาเส้นทางสู่การมีย้านถิ่นฐานถาวรแต่ไม่ได้เพราะไม่มีที่เพียงพอ นั่นเป็นเรื่องยากจริงๆ”

วัตต์กล่าวว่าเมื่อมองไปข้างหน้าในปีนี้ “เราจะรอดูว่าจะเกิดอะไรขึ้น ฉันอยากให้ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี”

สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวีซ่าได้ที่เว็บไซต์ของ Department of Home Affairs

Share

Published

Updated

By Emma Brancatisano
Source: SBS

Share this with family and friends


Follow SBS Thai

Download our apps
SBS Audio
SBS On Demand

Listen to our podcasts
Independent news and stories connecting you to life in Australia and Thai-speaking Australians.
Understand the quirky parts of Aussie life.
Get the latest with our exclusive in-language podcasts on your favourite podcast apps.

Watch on SBS
Thai News

Thai News

Watch in onDemand